เฟอร์กิล ฟาน ไดค์ โดนตำหนิว่าเริ่มขีเกียจ

เฟอร์กิล ฟาน ไดค์ โดนตำหนิว่าเริ่มขีเกียจ วิม คีฟต์ อดีตกองหน้าของทีมชาติเนเธอแลนด์ได้ออกมาตำหนิ ฟาน ไดค์ ว่าปราการหลังของลิเวอร์พลูในลีกพรีเมียร์ลีกเริ่มเล่นแบบขี้เกียจแล้วและไม่ค่อยจะช่วยเกมรับสักเท่าไหร่นักในช่วงนี้ ก่อนหน้าตัว ฟาน ไดค์ ได้รับการยกย่องว่าเขาเป็นกองหลังที่เก่งที่สุดในโลกเพราะตัวเขานั้นทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมมาโดยตลอดหลังที่ย้ายมาอยู่กับลิเวอร์พลู

และตัวฟาน ไดค์นั้นได้พาทีมได้แชมป์ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีกมา 1 สมัยอีกด้วย และหลังจากช่วงการที่เขาได้แชมป์เขาก็ได้โดนตาหนิจากหลายๆผ่าย เช่น เจมี่ คาร์ราเกอร์ ตำนานของลิเวอร์พลู ตำหนิว่าเขาฟอร์มตกและเริ่มเล่นแบบไม่เต็มที่ให้กับทีม และคีฟต์ ได้ออกมาบอกว่าฟาน ไดค์ นั้นเขาเล่นเหมือนสภาพแล้วและชอบทำตัวเหมือนโค้ชอีกด้วย

ฟาน ไดค์นั้นเล่นพลาดหลายครั้งและไม่รับผิดชอบในเกมรับได้ดีกว่าแต่ก่อน ทั้งๆที่ตัวฟานไดค์นั้นควรเป็นแนวหน้าในการเล่นเกมรับฉบับแบบผู้นำ แต่ก่อนเขาเล่นได้แบบเคร่งครัดมากใน 2 ฤดูกาลที่ผ่านมา และอาจจะมีสภาพแวดล้อมเข้ามาเกี่ยว และการที่กุนซือออกมากระตุ้นเขาสักหน่อยก็อาจทำให้เขาฮึกเหิมมากกว่านี้ก็อาจเป็นได้

* * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * *

ความยิงใหญ่ของ เฟอร์กิล ฟาน ไดค์ ที่มีแต่ก่อน

เฟอร์กิล ฟาน ไดค์ โดนตำหนิว่าเริ่มขีเกียจ วิม คีฟต์ อดีตกองหน้าของทีมชาติเนเธอแลนด์ได้ออกมาตำหนิ ฟาน ไดค์ ว่าปราการหลังของลิเวอร์พลู

* * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * *

ฝีเท้าของเขานั้นดีขึ้นตั้งแต่ย้ายมาอยู่ลิเวอร์พลู ฟาน ไดค์ ไม่ได้มีดีแค่ลูกกลางอากาศที่เก็บกินได้บ่อยๆ เขายังมีลูกภาคพื้นดินที่ยอดเยี่ยมมากเวลลาเขาผ่านบอลนั้นทั้งสั้นทั้งยาวเขาผ่านมันได้อย่างดีเยี่ยมเหมือนกับกองกลางตัวทำเกมเลยอย่างนั้น และเรื่องบุคลิกการเป็นผู้นำของ ฟาน ไดค์ นั้นสูงมากในการลงสนามทำให้ผู้เล่นร่วมทีมนั้นมีความฮึกเหิมมากขึ้น

และตัวเขานั้นทำให้ดกมรับของลิเวอร์พลูนั้นนิ่งมากขึ้นอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน และการแก้ปัญหาเฉพาะหน้าของเขานั้นทำได้ดีมากๆเลยทีเดียวเขาทำทุกอย่างได้อย่างง่ายดายเลยทีเดียว หลังจากเมื่อก่อนที่ลิเวอร์พลูนั้นมีเกมรับที่ผิดพลากเยอะมากเสียเตะมุมทีไรก็จะโดนยิงอยู่ตลอดเลยทีเดียว

บทความโดย ufa877

* * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * *